วันนี้ผมมีนัดไปกินข้าวกับเพื่อนๆ และได้รับมอบหมายให้หาร้านข้าวที่จะนัดเจอกัน ผมเลยเสนอร้านนี้ไปครับ เพราะไม่ได้แวะไปกินนานมากแล้ว น่าจะเกิน 6-7 ปีได้แล้ว เมื่อก่อนก็พอจะแวะมาบ้างเวลาที่อยากจะกินสเต็กเนื้อดีๆซักหน่อย แต่ช่วงหลังนี้ อาจจะเพราะว่ามีร้านสเต็กเนื้อ ที่อร่อยๆและราคาไม่แพงเปิดมาเพิ่มมากขึ้นค่อนข้างเยอะพอสมควร เลยทำให้มีตัวเลือกในการที่จะไปกินเนื้อหรือสเต็กดีๆราคาย่อมเยาว์หลากหลายร้าน เลยทำให้ไม่ค่อยได้แวะมาที่นี่เลย ฮาาาา … ร้านที่จะพาไปกินกันวันนี้คือ Neil’s Tavern Steak & Seafood ครับ
ร้าน Neil’s Tavern Steak & Seafood อยู่ในซอยร่วมฤดีครับ ร้านมีที่จอดรถเยอะพอสมควรครับ .. พิกัดตามด้านล่างนี้เลย
ผมนัดเจอกับเพื่อนประมาณ 17:30 เพราะเป็นช่วงเวลารอบ 2 ของวันที่ร้านเปิดเวลานี้ ซึ่งในช่วงเข้า ร้านจะเปิดเวลา 11:30 – 13:45 ครับ ส่วนรอบเย็นจะเปิดตั้งแต่ 17:30 – 22:30 ครับ .. ผมไปถึงร้านก่อนเวลาเล็กน้อย ทั้งทีออกก่อนเวลาค่อนข้างเยอะ เพราะแถวนั้นช่วงเวลาเย็นๆ ถ้าเป็นวันธรรมดา รถติดโหดมากกก จากตอนแรก google map บอกเวลาไว้ว่าจะถึงแถวๆร้านประมาณ 16:50 ทำไมมันไหลยาวไปจนถึง 17:20 ก็ไม่รู้ .. ฮาาาา
เนื่องจากไปถึงร้านก่อนเวลาเล็กน้อย เลยทำให้ที่จอดรถด้านหน้า ยังพอมีอยู่บ้าง แต่เนื่องจากที่ Neil’s มีร้านขนมเค็กที่อร่อยด้วย เลยทำให้มีลูกค้าแวะมาซื้อขนมเค้กค่อนข้างเยอะพอสมควรครับ หากใครชอบทานขนมเค๊กแล้วละก็ ที่ร้าน Neil’s Bake shoppe ก็อย่าพลาดนะครับ มีขนมเค็กอร่อยๆเยอะพอสมควรเลยครับ อิอิ
ลองดูบรรยากาศภายในร้านกันก่อนฮ่ะ .. ร้าน Neil’s Tavern เปิดมาค่อนข้างนานมากแล้ว พี่ที่ไปกับผมอีกคนนึง บอกว่า คุณแม่ของพี่ กินร้านนี้ตั้งแต่ยังสมัยสาวๆ โอววว หลังจากลองเช็คดูว่าร้านเปิดตั้งแต่เมื่อไหร่ ก็พบว่า ร้าน Neil’s เปิดมาตั้งแต่ปี 2512 แหนะ ก็ปาไป 54ปี แล้ววววววว เปิดก่อนที่ผมจะเกิดอีกนะเนี่ยะ ฮาาาา
ที่ร้านชื่อว่า Neil’s Tavern ก็เพราะว่า ในปี 2512 ช่วงที่ร้านเปิดนั้น เป็นปีที่ นีล อาร์มสตรอง (Neil Armstrong) ได้ขึ้นไปเหยียบดวงจันทร์เป็นคนแรกนั้นเองครับ ทางร้านจึงได้นำชื่อ Neil’s มาเป็นชื่อร้าน เพื่อเป็นเกียรติให้กับนักบินอวกาศนั้นเองครับ .. พึ่งรู้เลยนะเนี่ยะ ส่วนเรื่องขึ้นไปดวงจันทร์จริงหรือไม่จริงนั้นก็ ข้ามไปแล้วกัน ฮาาาา
สำหรับสายไวน์ บริเวณทางเข้าด้านหน้า ก็มีตู้ไวน์ไว้ให้เลือก หากใครอยากจะเอาไวน์ไปเอง ก็สามารถเอาไปได้ครับ ค่าเปิดไวน์ 500 บาท ต่อขวด ครับ
บอร์ดที่บรรดาลูกค้าทั้งหลาย นำนามบัตรมาปักหมุดไว้ เต็มไปหมดเลย .. ตัวผมก็อยากเอาไปแปะเหมือนกัน แต่ไม่มีนามบัตร แหะ แหะ
เนื่องจากไปก่อนคนอื่นพอสมควร เลยขอทางร้านถ่ายรูปบริเวณด้านในร้านซักหน่อย เพราะเมื่อก่อนมาทีไร ก็เต็มไปด้วยลูกค้า เลยไม่ค่อยกล้าถ่ายรูปซักเท่าไหร่นักครับ .. บรรยากาศภายในร้านก็จะแนวคลาสสิกหน่อย แต่ดูหรูหรามากครับ
ร้าน Neil’s Tavern ตกแต่งแนวคลาสสิก สไตล์อเมริกันคันทรี แต่ทำให้ดูหรูหรามากขึ้น เลยทำให้ค่อนข้างว้าวเวลาเข้ามาในตัวร้านพอสมควรครับ
กลับมาที่โต๊ะกันบ้างครับ .. หลังจากนั่งโต๊ะเรียบร้อยแล้ว พี่พนักงานที่ร้านก็จะนำน้ำมาเสริฟให้ครับ บนโต๊ะก็ถูกวางอุปกรณ์ต่างๆ ไว้มากมาย แบบนี้เลย
เริ่มจากเมนูเบาๆก่อนครับ .. ซุปเห็ด ทางร้านมีให้เลือกด้วยครับ ว่าจะเอาแบบ ข้น หรือ เหลว .. ผมเลือกสั่งแบบ ข้น ไปครับ แต่ก็รู้สึกไม่ได้ข้นมากนัก รสบางๆ กินกับขนมปังสไลด์ที่สั่งเพิ่มมาครับ
หอยเชลล์อบชีส .. เบรินด้านบนมาติดไหม้นิดๆ ชีสหอมมาก ครับ ใช้ชีสดีเลยทีเดียว ตัวหอยเชลล์ (scallop) ตัวไม่ใหญ่มากนัก แต่เนื้อแน่นมากกก สำหรับจานนี้ อร่อยเลยครับ .. ไฟในร้านไม่ค่อยสว่างเท่าไหร่ เลยไม่ได้ถ่ายตัวเนื้อหอยเชลล์มาให้ดู ห้ามพลาดฮ่ะ เมนูนี้
ซีซ่าสลัด เสริฟนำมาก่อนที่จานหลักจะตามมาครับ ..
จานหลักมาแล้วครับ .. US Rib Eye เสริฟมาแบบนี้เลย เพราะ side dishes พวกสลัดต่างๆ ทางร้านแยกมาให้อีกจานนึงครับ ผมสั่งเป็นแบบ medium rare ไปครับ .. เนื้อตัว us rib รสเนื้อไม่ค่อยเข้มนัก แต่เนื้อนุ่มพอสมควรครับ สำหรับสายเนื้อแบบผม รู้สึกว่า มากินรอบนี้ ไม่ค่อยว้าวเหมือนสมัยก่อน อาจจะเพราะว่าไปเจอร้านที่เนื้ออร่อยแบบสุดๆมาแล้วก็ได้ครับ ฮาาาา
ถัดไปเป็น Australian Wagyu .. ชิ้นนี้เป็นแบบ dry aged มาด้วยครับ แต่จำไม่ได้แล้วว่า 60 วัน หรือ 90 วัน ชิ้นนี้เลยทำให้รสเนื้อค่อนข้างเข้มข้นขึ้นมาระดับนึง ตัวเนื้อนุ่มอยู่ มีมันแทรกมาค่อนข้างกำลังดี ชิ้นนี้ผมสั่งเป็นแบบ medium rare อีกเช่นกันครับ ชิ้นนี้อร่อยอยู่ครับ ดีกว่าชิ้นเมื่อกี้เยอะเลย ทั้งที่ราคาเท่ากัน ฮาาาาา
side dish ทางร้านแยกมาให้ 2 จานครับ จานนี้เป็นผักผัดเนย กับ เฟรนซ์ฟรายส์
ส่วนจานนี้เป็น มัดบด กับ ผักผัดเนย ครับ .. ผักผัดเนย อร่อยดี
มื้อนี้ ผมเอาไวน์มาเปิดเอง ไม่ได้สั่งไวน์ของที่ร้านครับ .. ไวน์ตัวนี้ คะแนนใช้ได้อยู่ เปิดกินอากาศไว้ ครึ่งชั่วโมง คิดว่าน่าจะโอเคแล้ว แต่กลับเป็นว่า ระหว่างจิบไวน์ไปเรื่อยๆนั้น ยิ่งนานขึ้น ไวน์กลับอร่อยกว่าเดิมซ่ะงั้น .. เลยสรุปกันว่า ตัวนี้น่าเต็มที่ก็เมื่อเปิดไว้ประมาณ 1 ชั่วโมงขึ้นไปครับ .. อ้อ แถมแรงมากกกก ไม่น่าเชื่อว่าปกติจะกินกันประมาณตกแล้วคนละขวด แต่มื้อนี้ ขวดเดียว 3คน ทำให้มึนได้ซ่ะงั้น ฮาาาาา
หลังจากเนื้อและไวน์หมดไปเรียบร้อย .. เลยอยากจะแก้มึนกันซักหน่อย (แต่จัดของหวานต่อแบบนี้ น่าจะมึนหนักกว่าเดิมนะ 555) แต่ก็ต้องล้างปากแหละครับ ผมเลยสั่ง Blueberry Cheese Pie เมนูของหวานเมนูนึงของที่นี่ ที่ขึ้นชื่อพอสมควรครับ .. อร่อยเลยแหละ
ชิ้นสุดท้าย Dark chocolate cake .. พี่อีกคนสั่งเมนูนี้มาเพราะชอบสั่งกินเวลามาร้านนี้ .. เข้มข้นดีครับ อร่อยมากกก
หลังจากกินกันหมดเรียบร้อยแล้ว ผมกับเพื่อนๆ อีก 2 คน ก็นั่งคุยกันซักพัก แล้วก็แยกย้ายกลับบ้าน ประมาณ 20:30 .. เพราะรถเริ่มหายติดแล้ว จากก่อนหน้านี้ ช่วงประมาณ 20:00 ยังแดงเถือกเต็มไปหมดเลย ฮาาาาาา
สำหรับ ร้าน Neil’s Tavern Steak ส่วนตัวผมรู้สึกว่า ไม่ได้ว้าวมากนักเหมือนเมื่อก่อนแล้ว เพราะดันไปเจอร้านเทพๆ อย่าง มหาสาร ไรงี้ .. หรือจริงๆ อาจจะเพราะไม่ได้สั่งเมนูเด็ดอื่นๆของที่ร้านด้วย เช่น ฟัวกราส์ (Pan Seared French Foie Gras) พลาดสั่งไปเพราะมารู้ที่หลังว่า คุณแม่ของพี่ที่มาด้วยบอกว่า ทำไมไม่สั่งเมนูนี้ 555 .. รอบหน้านะครับ :p