เป็นร้านเนื้ออีกร้านที่ผมพึ่งแวะไปกินมาล่าสุด และจัดให้เป็นมื้อที่ดีสุดๆอีกมื้อนึงเช่นกันครับ เลยอยากจะเอามาแชร์ให้เพื่อนๆดู และอยากให้ลองตามไปกินกัน ถึงแม้ว่าจะต้องจองยาวนานมากมาย แต่ส่วนตัวแล้ว ผมว่าก็ถือว่าคุ้มครับ .. สำหรับ post นี้ อาจจะยาวซักหน่อยครับ ลองไปดูกันว่าจะเป็นอย่างไรบ้าง กับ ร้านเนื้อทั้งนั้น
ต้องเกริ่นก่อนว่า ร้านนี้ผมเจอจากใน Facebook แต่รู้สึกแอบอยากแวะไปลองกิน เพียงแค่เพราะว่า จองกันหลายเดือนมาก .. ผมทักไปทาง Facebook ของ เนื้อทั้งนั้น เพื่อสอบถามว่าสนใจอยากจะจอง ต้องยังไงบ้าง ได้คิวเมื่อไหร่ … และหลังจากได้รับข้อความกลับ แอบช๊อกในใจนิดหน่อยครับ ฮาาาาา
ผมทักข้อความไปที่ FB : เนื้อทั้งนั้น ประมาณต้นเดือน กรกฏาคม 2566 .. หลังจากคุยกันเรียบร้อย วันที่ผมจะได้คิวคือ วันที่ 19 ตุลาคม 2566 ครับ ระยะเวลาคร่าวๆก็ประมาณเกือบ 4 เดือนได้ ฮาาาา จองทิ้งแล้วลืมไปได้เลยครับ 555
และในที่สุด 4 เดือน ก็ผ่านไปอย่างรวดเร็วครับ .. ถือว่าตื่นเต้นพอสมควร เพราะไม่เคยจองคิวร้านที่รอนานแบบนี้มาก่อน (มหาสาร ว่ายากแล้ว แต่ถ้าจองได้ก็จบ ฮาาาา) .. ระหว่างทางเข้าไปยังบริเวณบ้าน (หรือร้านเนื้อทั้งนั้น) ครับ .. เข้าไปลึกพอสมควร ไม่ต้องตกใจกับเส้นทางนะครับ ฮาาาาา
ถ้ามาเจอสะพานแบบนี้ แสดงว่าใกล้ถึงแล้วครับ .. อ้อ และมาถูกทางแล้วแน่นอนครับ
จอดรถด้านหน้าแบบนี้ได้เลยครับ แล้วก็รอจนใกล้ถึงเวลา ทางเชพฯ ก็จะเปิดประตูและพาเราเข้าไปด้านในครับ .. ถ้ามาเจอประตูบ้านแบบนี้ ก็มาถูกแล้วแน่นอนครับ ไม่ต้องกลัวแล้ว ว่ามาผิดที่หรือเปล่า เพราะมีแต่บ้านทั้งนั้น ฮาาาา …
****** หมายเหตุ : ร้านเนื้อทั้งนั้น ไม่ได้รับลูกค้าแบบ walk in นะครับ รับเฉพาะลูกค้าที่จองไว้เท่านั้น!!!
สำหรับพิกัด ร้านเนื้อทั้งนั้น ก็ตามด้านล่างนี้เลยครับ .. เข้าไปถึงร้าน อาจจะต้องรอเวลาให้ใกล้กับเวลาที่นัดไว้ซักนิดนะครับ เพราะทางเชพฯ จะต้องเตรียมร้านให้เรียบร้อยก่อน ถึงจะเปิดให้เราเข้าไปยังภายในครับ
เข้ามาด้านในแล้ว ก็ตกใจนิดหน่อย เพราะตอนแรกไม่ได้คิดว่าจะเป็นห้องแบบนี้ คือ แบบที่เกริ่นไว้ตอนแรกครับ ว่าเห็นจาก FB แค่ว่าจองคิวนาน และหลายๆ comment บอกว่าดี เลยจองทันที ไม่ได้ตามอ่านอะไรเลย ทำให้ตกใจนิดๆว่า มื้อนี้ที่ร้านเนื้อทั้งนั้น มันออกจากคล้ายๆ โอมากาเสะ (Omakase : แล้วแต่เชพจะจัดให้) หรือ แนว Chef’s Table เลยนะเนี่ยะ
อุปกรณ์ที่ถูกเตรียมไว้พร้อมตามจำนวนคน ที่ผมแจ้งไว้ล่วงหน้าครับ ซึ่งตอนแรกแพลนไปกันทั้งหมด 6 คน (ผู้ใหญ่ 5 , เด็ก 1) แต่เพื่อนคนนึงติดภาระกิจ เลยเหลือแค่ ผู้ใหญ่ 4 กับ เด็ก 1 เท่านั้นครับ
ก่อนเริ่ม ทางเชพฯ ก็เกริ่นคร่าวๆก่อน ว่าวันนี้ เนื้อที่จะทำเป็นประมาณไหน มีแนวอะไรบ้าง แล้วก็ถามกลับมาว่า ชอบกินประมาณไหน ไม่ชอบอะไร ประมาณนี้ครับ เป็นการละลายพฤติกรรม ระหว่างเชพฯ กับ ลูกค้า ได้ดีประมาณนึงเลยทีเดียว
ยังไม่ทันไร ออเดริฟ เรียกน้ำย่อย ก็มาเสริฟก่อนเลยครับ .. อ้อ รายละเอียดของเมนูแต่ละอัน ผมอาจจะไม่ได้ลง details มากนักนะคับ เพราะตอนแรกๆก็ฟังพอจำได้ แต่พอไวน์เข้าปากแล้ว ลืม ไปกับรสชาติเนื้อเลยอ่าาาา รอบหน้าคงต้องเอา go pro ไปติดแล้วบันทึกยาวๆซ่ะแล้ว ฮาาาา
พอชุดแรกแบบเบาๆผ่านไป เชพฯก็เอาเนื้อส่วนต่างๆ ที่จะเอามาทำเป็นอาหารออกมาให้ดู ตอนแรกก็นึกแค่ว่าเป็นแค่ตัวอย่างแต่ละชิ้นส่วน คงไม่ได้ทำหมดนี้ แต่ที่จริงแล้ว ทำหมดนี่เลยครับ ฮาาาาา เยอะอยู่นะ ถ้าเทียบกับจำนวนคนแค่ ผู้ใหญ่ 4 เด็ก (5ขวบ) 1 …
โอวววว เห็นเนื้อแล้วก็นำลายไหลแล้วครับ มีหลายส่วนมาก จำไม่ได้ จำได้แค่มี ลิ้น ขั่วตับ ใบพาย ริบ สะโพก ประมาณนี้ครับ สมชื่อครับ เนื้อทั้งนั้น จริงๆ ไม่มีหมู ไม่มีปลา เลย ฮาาาา
ซูมกันใกล้ๆซักนิด เนื้อดูดีสุดๆ ที่เป็นนี่ เป็นเนื้อไทยหมดเลยนะครับ ผ่านการ dry aged มาประมาณ 30 วัน แต่เป็นเนื้อไทยที่ เชพฯ เค้าเลือกจากฟาร์มในไทยมาให้หมดแล้ว คือ ลองชิมมาเกือบทุกฟาร์ม แล้วเลือกฟาร์มที่เชพฯเค้าชอบ สุด มาทำเนื้อให้พวกเรากินกันครับ
ลายเนื้อสวยงามดีแท้ครับ ..
ระหว่างเชพฯเริ่มทำ ผมก็เปิดไวน์รอก่อนเลย รอบนี้ลืมหยิบไวน์ที่บ้านมา เลยต้องแวะที่ Wine Connection ระหว่างทางที่มาร้านแทน .. ขวดนี้อร่อยดีครับ กินง่าย เบาๆ ไม่หนัก ลื่นๆเลย
ขวดนี้ไม่ค่อยโดนเท่าไหร่ ทั้งที่ได้รางวัลเยอะแยะ แต่อาจจะไม่แนวผม แต่พี่กับน้องที่จิบด้วยกัน ก็บอกเฉยๆ
สลัดเสริฟมาให้ก่อนครับ .. เอาไว้กินตัดความเลี่ยนของเนื้อ ซึ่งสลัดสามารถเติมได้ตลอดครับ
จานแรก ลิ้นย่าง ครับ ย่างมาดีมากๆ ใช้ส่วนโคนลิ้นเลยทำให้นุ่ม เหมือนทางเชพฯ จะ dry aged ตัวลิ้นไว้ด้วย ซึ่งโดยปกติ ผมไม่ค่อยเจอที่ไหน dry aged ซักเท่าไหร่ แต่บอกเลยว่าดี ดีมากกกก ผมว่าทำมาดีพอๆกับ ลิ้นย่าง ที่ มหาสาร เลยแหละ จานนี้โคตรชอบ
จานนี้จำได้ว่า เป็นอีกหนึ่งจานที่ผมชอบ จำไม่ได้แล้วว่าส่วนไหน แต่ตอนตักเข้าปาก ถึงกับอุทานในใจว่า อห .. ที่ไม่ใช่โอ้โห แต่รสเนื้อมันเข้มข้นมาก ย่างมาได้แบบ perfect cook เลยแหละ ข้างนอกติดไหม้นิดๆ ข้างในชมพูแบบนี้เลย รสเนื้อเข้มข้นมาก เป็นอีกจานที่โคตรดี และชอบพอๆกับลิ้นย่างเลย
ทางเชฟฯ ก็ทยอยเสริฟมาเรื่อยๆครับ เป็นการกินเนื้อที่ได้รับรสของเนื้อแตกต่างกันไปตามชิ้นส่วนของเนื้อแต่ละส่วนครับ มันช่างดีจนไม่รู้จะพูดยังไงเลยครับ
พอชิ้นไหนย่างสุกแล้ว ก็จะเอาขึ้นมาพักให้หายความร้อนหายละอุ และน้ำในเนื้อแห้งซักนิด แล้วเชพก็จะหันไปเอาเนื้อชิ้นถัดไปลงย่างบนเตาครับ ซึ่งถ่านที่เชฟฯใช้ก็เป็นแบบดีสุด เก็บความร้อนและมีเขม่าถ่านและขี้ถ่านน้อยมากครับ เชฟฯหยิบถ่านมาให้ดู แต่ผมลืมถ่าย ถ้าจำไม่ผิด ถ่านที่เชฟฯใช้ย่างเนื้อคือ บินโจตัน ครับ
ทยอยมาแบบทานได้ต่อเนื่องครับ แทบไม่ขาดตอนเลย โรยเกลือและพริกไทยมาให้เรียบร้อย สามารถทานได้เลย
นี่ก็เป็นจานที่ 5 แล้ว แต่ยังไม่มีท่าทีจากเชฟฯว่าจะหยุดเลย ยังคงเสริฟมาให้อย่างต่อเนื่อง จานที่เห็นอยู่นี้ ไม่ได้ต่อคนนะครับ แต่สำหรับ 2 คน คือรอบที่ผมไป ตามที่แจ้งไว้ด้านบนคือ ผู้ใหญ่ 4 เด็กน้อย 1 ซึ่งทางเชฟฯ ก็เลยจัดให้ผู้ใหญ่ 2 คน ต่อ 1 จาน ครับ
ไวน์ที่เอาไปจิบแกล้มกับเนื้อ ด้วยความที่อยากให้เชฟฯเพลินๆกับการย่างเนื้อ ผมก็ให้เชฟฯ จิบไวน์ไปด้วยกันครับ ฮาาาาาา คุยกันเพลิน ลื่นๆเลย 555
แต่ละชิ้นนี่ ย่างได้ดีสุดๆ ไม่ดิบจนเกินไป ไม่สุกจนเกินไป แต่ละชิ้นที่ย่างมา จะถูกย่างมาแบบได้ช่วงเวลาที่ดีสุดๆจริงๆครับ เพราะเท่าที่สังเกตุเวลาเชฟฯ grill เนื้อ แทบจะจ้องเนื้อตลอดเวลาครับ ใส่ใจในการย่างมาก เหมือนกำลังสนุกกับการย่างจริงๆ
เปลี่ยนจากแนว steak ชิ้นหนาๆ เป็นแบบชิ้นบางๆ กันบ้างครับ .. ชิ้นนี้ก็ละมุน ละลายในปากสุดๆ
ถ้าจำไม่ผิด ชิ้นนี้น่าจะเป็น ขั่วตับ มั้งนะครับ
อีกอย่างนึงที่สังเกตุเห็น ก็คือ ทางร้านเนื้อทั้งนั้น เชฟฯ จะมีจานหลากหลายรูปแบบมาก ที่นำมาใส่เนื้อ แล้วเสริฟให้กับทางลูกค้า เท่าที่คุย เชฟฯ ก็สายจานเหมือนกันครับ เจอจานสวยๆ จากญี่ปุ่น ก็จะซื้อกลับมา แล้วก็ ไม่ใช่แค่สายจานนะครับ ยังเป็นสายอุปกรณ์ต่างๆ เช่น มีด เขียง คุยกันสนุกมากมายจริงๆครับ
หรือขั่วตับจะเป็นชิ้นนี้ .. รอบนี้ถือว่าพลาดจริงๆครับ รอบหน้าผมต้องเอา go pro ไปถ่ายเก็บแน่นอน เซงเลยยยย
ใกล้จะจบคอร์สแล้วครับ ฮาาาาาา เริ่มอิ่มนิดๆแล้ว
จานที่ 10 .. โอววววส์ ดูเหมือนจะติดดิบไปหน่อย แต่โคตรหวานครับ นุ่มสุดๆ ไม่มีความคาวหรือรสเปรี้ยวของเลือดเลย
จานที่ 11 เกือบจะเป็นจานสุดท้ายของคอร์สนี้แล้วครับ .. ดูแต่ละจานเนื้ออาจจะไม่เยอะ แต่ถ้ารวมเป็นน้ำหนักผมว่าน่าจะเกิด 1โล แล้วแน่ๆ
จานนี้เป็นจานที่ขอสั่งเพิ่มครับ คือ ลิ้นย่าง ยังรู้สึกติดใจอยู่ อร่อยโคตร เด้งสู้ฟันหน่อยๆ แต่นุ่ม รสดีสุดๆ
ส่วนจานนี้ เชฟฯแถมให้ครับ เป็นชิ้นขั่วตับอีกส่วน ที่เชพฯบอกว่า ถ้าชอบก็คือชอบเลย ถ้าไม่ชอบก็คือไม่ชอบเลย เพราะรสมันจะแรงมาก แต่ผมกินแล้ว ผมก็โอเคนะ อร่อยอยู่ รสแรงเข้มตามที่เชฟฯบอกจริงๆอะแหละ
ปิดท้ายล้างปากด้วย เนื้อตุ๋น อุ่นๆ เสริฟมาในถ้วย พร้อมข้าวด้านล่าง ตุ๋นได้รสชาติที่ละมุนอยู่ ครับ เป็นจานที่ 12 ที่ถือว่าปิดท้ายได้ดีสุดๆครับ ถึงกับต้องบอกเชฟฯเลยว่า ขอจองคิวที่เร็วที่สุด รอบถัดไปด้วยครับ แล้วก็ได้คิวเดือน มิถุนายน ปีหน้า ( 2567 ) คุณพระ .. รอลืมอีกแล้ว ฮาาาา
อารมณ์กินข้าวเนื้อตุ๋น หรือพวก เกาเหลาเนื้อ ประมาณนั้นเลยครับ อร่อยสุดๆ
ปิดท้ายคอร์สด้วยของหวานครับ เป็นมันหวานเผา ที่นำเข้ามาจากญี่ปุ่นแหละมั้งนะ เพราะหวานนุ่มสุดๆ โคตรดี
สำหรับมื้อนี้ ที่ร้านเนื้อทั้งนั้น ค่าเสียหายต่อคน เฉลี่ยออกมาแล้วก็ถือว่าสูงอยู่ แต่ด้วยเนื้อที่ได้ทาน ความรู้ที่ได้จากเชพฯ แล้วก็การแชร์เรื่องราวต่างๆจากเพื่อนที่ไปกินด้วย ผมถือว่ามันคุ้มค่ากับเวลา 2 ชั่วโมงกว่าๆ มากครับ ถ้ายังไงรีบจองกันนะครับ ถ้าเป็นสายเนื้อ ก็อยากจะให้ลองไปทานกันจริงๆ ติดต่อผ่านทาง FB : เนื้อทั้งนั้น >>> https://www.facebook.com/neuatangnan/ ได้เลยครับ