วันนี้ต้องตื่นแต่เช้าเพื่อเตรียมตัวที่จะเดินทางไป Takayama ซึ่งโดยปกติแล้วเวลาผมไป Takayama นั้น ก็จะนั่งรถไฟไป แล้วก็ผมไป Takayama มาแล้ว 2 รอบ แต่ด้วยความที่รอบนี้อยากขับรถไปเที่ยวแล้วแบบอยากเจอหิมะเยอะๆ จากตอนแรกที่จะไปแค่ kawaguchiko เพื่อไปหา Fuji san (ภูเขาไฟฟูจิ) ให้ชื่นใจ แต่ก็เปลี่ยนใจ ต้องขับไกลขึ้นไปพอสมควร เพื่อไป Takayama แล้วก็แพลนไว้ว่า จะขับรถไป shirakawago เพื่อถ่าย Clib เอามาทำ YouTube ซักหน่อย เพราะไหนๆก็อยากจะลองเป็น YouTuber แล้ว ก็เลยต้องลองไปสถานที่ ที่เป็นที่นิยมของคนไทย
กลับมาที่ช่วงเช้าของ Day 3, ก่อนหน้านี้ที่แพลนไว้ว่าจะขับรถไปญี่ปุ่นนั้น ก็ศึกษาข้อมูล แล้วก็ถามพี่ๆ ที่ทำงาน ว่าใช้บริการรถเช่าของที่ไหนดี ก็ได้มา 2 บริษัท ใหญ่ๆ ที่คนไทยมักจะ เช่ารถ กันที่ญี่ปุ่น คือ NIPPON RENT a car และ TOYOTA Rent a car โดยผมก็ได้ลองใช้บริการทั้ง 2 เจ้า สำหรับทริปญี่ปุ่นรอบนี้ ..
สำหรับ Road Trip ไป Takayama นั้น ผมจองรถ กับ Nippon Rent a car คับ .. ซึ่งวิธีการจองก็ขออธิบายคร่าวๆ ตามนี้
– เข้าไปที่ https://www.nrgroup-global.com/th/ แล้วระบุรายละเอียดเพื่อค้นหารถ
1. สาขาที่รับรถ กับ วันและเวลาที่รับรถ .. ตรงนี้ สามารถคนหาโดยกด “แสดงแผนที่” เพื่อระบุโซนที่เราต้องการไปรับรถได้นะครับ สำหรับ Nippon Rent a car มีจำนวนสาขา ค่อนข้างเยอะคับ
2. สาขาที่คืนรถ กับ วันและเวลาที่คืนรถ .. ตรงนี้เราสามารถเลือกคืนรถต่างสาขากับที่รับรถได้นะคับ ในกรณีที่อยู่ในจังหวัดเดียวกัน อาจจะไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม แต่ถ้าต่างโซนกัน ค่าใช้จ่ายก็อาจจะแพงมากขึ้นคับ ซึ่งระบบก็จะแสดงค่าใช้จ่ายให้ในตอนหลัง
*เวลารับรถ กับ เวลาคืนรถ อาจจะต่างกันตามสาขานะคับ เพราะบางทีเปิดให้รับรถตั้งแต่ 07:00 แต่บางทีก็เปิด 08:00 คับ
หลังจากใส่ข้อมูลเรียบร้อยแล้ว กด ค้นหา ได้เลยครับ .. ระบบก็จะทำการ ค้นหา รถที่ยังว่างอยู่ตามเงื่อนไขที่เราระบุลงไป .. ด้านล่างนี้ผมลองจำลองตัวอย่างที่ผมใส่เข้าไปให้ดูนะคับ
ส่วนแรก ระบบจะแสดงข้อมูลวันและสถานที่ รับรถและคืนรถ มาให้ ซื้อเราสามารถกดเข้าไปดูได้นะคับ ว่าสาขาที่เราจะไปรับรถนั้น อยู่แถวไหน .. หรือ เราอาจจะหาจากใน google ไว้ก่อน แล้วค่อยมาระบุสาขาตามตำแหน่งที่เราอยากจะไปรับรถก็ได้ครับ
ส่วนถัดมา จะเห็นว่าระบบแสดงรายละเอียดของรถมาให้ค่อนข้างเยอะนะคับ ถ้าสามารถจองรถได้ จะเป็นแถบสีเหลืองคับ ส่วนถ้าจองไม่ได้ จะขึ้นเป็นแถบสีเทา
* เรื่องนึงสำหรับคนที่จะขับรถไปยังโซนที่มีหิมะ จะต้องดูว่ามี สัญลักษณ์ ด้านล่างนี้ ด้วยหรือเปล่านะครับ เพราะไม่งั้น หากขับรถเข้าไปในเขตที่มีหิมะ แล้วมีการตรวจสอบยางรถยนต์ ถ้าไม่ได้เป็นยางที่ใช้สำหรับวิ่งบนหิมะ ก็อาจจะถูกกันไม่ได้เข้าไปในเขตนั้นครับ
** เรื่องที่สอง ก็จะเป็นขนาดที่รถสามารถรองรับผู้โดยสารและบรรทุกกระเป๋าได้ ซึ่งก็จะมีรายละเอียดแสดงไว้คร่าวๆ เหมือนกัน
หลังจากกดเลือกรถที่ต้องการเรียบร้อยแล้ว ระบบก็จะมาหน้าถัดไป เพื่อให้ระบุรายละเอียดอื่นๆเพิ่มเติม เช่น บริการเสริม และ ค่าธรรมเนียมต่างๆ
ซึ่งอุปกรณ์เสริมที่แนะนำว่า ยังไงก็เลือกไปเถอะครับ คือ 3 รายการนี้ .. ถึงแม้ว่า 2 รายการแรกจะติดมาให้กับตัวรถอยู่แล้ว แล้วก็รายการที่ 3 จะต้องตัดสินใจว่าเลือกหรือไม่นั้น ก็แนะนำว่า กด select ไปเถอะคับ 555 แล้วชีวิตจะไม่วุ่นวาย
แล้วด้านล่างสุด ระบบก็จะสรุปค่าใช้จ่ายให้ เราเพียงแค่ตรวจสอบรายละเอียดอีกทีว่าถูกต้องมั้ย เพราะหากกดจองไปแล้ว จะไม่สามารถแก้ไขได้ ต้องทำการยกเลิกแล้วจองใหม่เท่านั้นครับ
และหลังจาก กด “จองรายการข้างต้น” เรียบร้อยแล้ว ระบบก็จะเปิดไปหน้าถัดไป เพื่อลงรายละเอียดแบบฟอร์ม ซึ่งจะมีข้อมูลส่วนตัวต่างๆ ที่จะต้องกรอกลงไป .. ตามตัวอย่างคร่าวๆ แบบนี้
* อย่างนึงที่อยากจะให้ระวังกัน ก็คือ ใบขับขี่สากล ที่เราจะต้องทำก่อนมาญี่ปุ่นนั้น จะต้องระบุให้เป็นแบบ 1949 internaional driving permit หรือถ้าจะให้จำง่ายๆ คือแบบ 1ปี ถึงสามารถใช้ที่ญี่ปุ่นได้ (แบบ 3ปี ใช้ที่ญี่ปุ่นไม่ได้ครับ)
และหลังจากกรอกรายละเอียดทุกอย่าง รวมถึงกรอก Email เรียบร้อยแล้วนั้น ก็จะต้องกดขั้นตอนสุดท้าย “ดูรายการจองของคุณ” แล้วระบบก็จะส่ง email ไปให้เป็น reference ซึ่งเราอาจจะต้อง capture หรือ print เอกสารการจองติดไปด้วย เพื่อใช้ในวันที่ไปรับรถครับ
โอ้ววว .. ลากยาวไปกับเรื่องการจองรถซ่ะนาน ตอนแรกว่าจะแตกเป็นอีก post นึง แต่ก็ขอเกริ่นไว้แบบคร่าวๆก่อน เดี๋ยวพอทำครบ Day 9 แล้วจะกลับมาแตกเป็นย่อยๆให้อีกทีนะครับ
ใบขับขี่สากลของประเภทไทยนั้น มี 2 แบบครับ
1) อนุสัญญาเจนีวา 1949 .. อนุสัญญาว่าด้วยการจราจรทางถนน ณ นครเจนีวา ค.ศ. 1949 ประเทศไทยได้เข้าเป็นภาคีของอนุสัญญาฉบับนี้มานานมากแล้ว สามารถใช้ได้กับ 101 ประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น อิตาลี เมื่อทำแล้วใบขับขี่สากลภายใต้อนุสัญญานี้ ใบขับขี่ที่ได้จะมีอายุการใช้งาน 1 ปี
2) อนุสัญญาเวียนนา 1968 .. อนุสัญญาว่าด้วยการจราจรทางถนน ณ กรุงเวียนนา ค.ศ. 1968 จะต่างจากอนุสัญญาฉบับแรกตรงที่ ฉบับนี้จะครอบคลุม 84 ประเทศ ซึ่งบางประเทศเป็นประเทศที่ไม่ได้เป็นภาคีในอนุสัญญาเจนีวา ทำให้ใบขับขี่สากลภายใต้อนุสัญญานี้สามารถเป็นตัวเลือกให้กับคนที่กำลังจะเดินทางไปในประเทศที่อนุสัญญาเจนีวาอาจไม่ครอบคลุม เมื่อทำใบขับขี่สากลภายใต้อนุสัญญาเวียนนา ใบขับขี่ที่ได้จะมีอายุถึง 3 ปีเลยทีเดียว
จำง่ายๆแค่ว่า ใบขับขี่สากล ที่สามารถใช้ที่ประเทศญี่ปุ่นได้นั้น คือแบบ 1 ปี ครับ
ด้วยความที่ผมไปรับรถตั้งแต่ตอนประมาณ 07:00 เพื่อพยายามไปในช่วงที่คนน้อยๆ จะได้ถ่าย review ขั้นตอนไปรับรถเอามาลงใน blog ซ่ะหน่อย แต่พอเจอหน้าน้องพนักงาน ของ Nippon Rent a car ก็ลืมหมดทุกอย่าง ด้วยความที่ว่าเป็นน้องผู้หญิง ดูเด็กๆ ตาแบ๊วๆ พูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยได้ .. ลืมหมดเลยว่าจะทำอะไร รู้ตักอีกที ขับรถออกมาอยู่ที่ถนนแล้วซ่ะงั้น .. ฮาาาา
หลังจากขับรถกลับไปรับแฟนที่ Mercure Hotel Ginza แล้ว ก็นั่ง งม กับการใส่พิกัดถัดไปที่กำลังจะไปต่อกัน แต่หลังจาก งม กันอยู่ซักพัก ไม่ว่าจะลองใส่เบอร์โทรศัพท์ ทุก pattern หรือ ใส่พิกัด ก็ตาม ระบบก็ยังไม่ยอม ชี้ไปที่พิกัดที่จะไปซักที สุดท้าย ยอมแพ้ จนต้องกลับไปใช้ภาษามือกับน้องพนักงานที่ Nippon Rent a car อีกครั้ง ซึ่งน้องก็มาสอนวิธีใช้ให้ซักพัก ระหว่างนั้น ก็ดันลืมถ่าย Clip เก็บไว้อีก โอ๊ววว หัวจะปวด
ไหนๆก็ มั่วๆไปเรื่อยๆ สรุปก็คือ คันนี้ผมไม่สามารถใส่เป็นเบอร์โทรศัพท์ได้ ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไม .. แต่เช่าที่ Toyota Rent a car ไม่มีปัญหา ใส่เบอร์โทรศัพท์ปลายทาง ขึ้นหมด .. เอ้ออ แปลกดี
หลังจากขับออกมาจากโตเกียวซักพัก ซึ่งกว่าจะทำความเข้าใจกับ GPS ทั้งในรถ และ iphone (google map) ได้นั้น ก็เล่นเอาหลอนไปซักพัก เพราะช่วงเช้าในตัวเมืองนั้น รถค่อนข้างเยอะอยู่ กว่าจะหลุดออกมานอกเมืองโตเกียวนั้น ก็เล่นเอาเหงื่อซึมอยู่เหมือนกันครับ ..
คันนี้เป็นรถที่เช่ามาคับ เป็นน้องแจ๊ส สีน้ำเงิน เป็นแบบยางลุยหิมะ .. หวังเล็กๆว่าจะมีหิมะให้ลุยพอประมาณ อย่าให้ถึงกับต้องใส่โซ่เลยแล้วกัน
หลังจากเริ่มออกจากตัวเมืองนั้น ก็ขอแวะหายใจกันที่จุดพักรถ ซึ่งก็จะมีอยู่ตลอดทางคับ แต่ละจุด ก็จะมีขนาดเล็กใหญ่ ไม่เท่ากัน บางจุดใหญ่หน่อย ก็จะมีร้านต่างๆ มากมาย จุดแรกที่ผมไปพัก มี Starbuck ด้วย สบายเลย ..
จุดพักรถที่ผมแวะเข้ามา ค่อนข้างใหญ่อยู่คับ เพราะมี Starbuck อยู่ด้วย รถเลยเข้ามาจอดที่จุดนี้กันค่อนข้างเยอะ .. อากาศกำลังดี แถวๆ 2องศา ส่วนตัวผมเป็นคนชอบอากาศหนาวอยู่แล้ว เลยเย็นสบายๆ ชอบมาก แต่ส่วนแฟนผม สั่นเป็นลูกนกเลย 555
หลังจากพักกันเรียบร้อย เครียร์ความเครียดจากการขับรถออกมาจากในเมืองโตเกียวเสร็จ ก็มุ่งสู่จุดหมายถัดไปคับ .. ซึ่งเป็นร้านข้าวที่ผมได้พิกัดมาจากใน Facebook ว่าถ้าผ่านมาโซนนี้แล้ว
พิกัดร้านที่จะไปกินมื้อเที่ยงกันครับ .. Nakamura Farm (中村農場) เปิดตั้งแต่ 11:00 – 14:00 คับ ไม่มีการจอง ต้องไปต่อคิวที่หน้าร้านเท่านั้น!!! (ปิดวันอังคาร)
ร้านนี้จะขับลงจากทางด่วนไปประมาณ 10กว่ากิโลครับ .. เรื่องกินผมสู้ตาย ขอแค่ให้มีคนบอกว่าอร่อยเถอะ 55
ไปถึงร้านประมาณ 10:50 ร้านยังไม่เปิด แล้วก็มีคิวก่อนหน้าผมประมาณ 3คิว ถือว่าโอเค .. ไปถึงก็รับบัตรคิว แล้วก็รอทางคุณพี่ที่ร้านเค้าเรียก คับ .. ที่ร้านอาจจะภาษาญี่ปุ่นล้วนน่ะคับ ถ้าเราบอกว่าเราเป็นคนต่างชาติ เค้าก็พอจะช่วยมากกว่าปกตินิดหน่อย
รูปตัวอย่างบางส่วนของเมนูที่ร้าน Nakamura Farm ( 中村農場 ) ครับ
เมนูของที่ร้าน ที่ติดไว้ด้านหน้าร้าน เพื่อให้ลูกค้าเลือกดูเมนูที่ต้องการก่อน จะได้ไม่เสียเวลาตอนเข้ามาในร้าน ถ่ายรูปเสร็จ ก็ให้ Google Translate ช่วยแปล .. ทริปนี้ลำบากพี่ google มากกก .. ในร้านการสั่งอาหาร จะสั่งผ่านตู้อัตโนมัติ นะคับ ไม่ยากเท่าไหร่ เพราะมีรูปที่เหมือนกับเมนูทางหน้าร้านเป๊ะ .. แต่ผมลืมถ่ายยยย .. วิถี youtuber นี่ จะต้องมีสติตลอดเวลาสินะ
ผมเลือกโต๊ะที่เป็นแบบบาร์ ซึ่งติดกับกระจกด้านหน้าร้าน โดยที่ตัวกระจกจะมีฟิลม์ติดไว้ ทำให้ค่อนข้างเป็นส่วนตัวพอสมควร ไม่ต้องกลัวใครจะมายืนมองการกินอาหารของเรา 555
หลังจากรอไปซักประมาณ 20นาที เมนูที่แฟนผมสั่งไปก็มาคับ เป็ฯ สันในไก่ชุปแป้งทอด .. พอแฟนกิน ก็บอกว่า โคตรนุ่ม .. ซึ่งจังหวะนั้น ผมก็แค่แอบคิดว่า ก็สันในไก่ ก็น่าจะนุ่มปกติเหมือนๆที่ไทยแหละมั้ง แต่พอแฟนเอามาให้ลองกินชิ้นนึง .. โอ๊วววส์ แมร่งโคตรนุ่ม นุ่มแบบนี่คือสันในไก่เหรอฟ่ะ แป้งด้านนอกทอดมากรอบกำลังดี ไม่แข็งเกินไป ส่วนเนื้อไก่นั้น ไม่รู้จะอธิบายยังไง แต่มันนุ่มมากกก เค้าเอาไก่ไปหมักอะไรหรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่ในไทย ยังไม่เคยเจอรสสัมผัสของเนื้อไก่ที่นิ่มขนาดนี้ .. ดีงามเว่อร์
หลังจากกิน สันในไก่ของแฟนไปแล้ว ผมยิ่งคาดหวังหนักกว่าเดิมอีก ว่าเมนูอันดับหนึ่งของที่ร้านนี้ มันจะต้อง ว้าวววว มากขึ้นไปอีกแน่นอน .. หลังจากรออีกซักพัก เมนูของผมก็มา Oyakodon ข้าวหน้าไก่และไข่ ซึ่งเมนูนี้เป็นเมนู recommend ของร้านนี้เลยคับ .. อันดันแรกหลังจากเดินไปหยิบอาหารมาวางที่โต๊ะ กลิ่นนำมาก่อนเลย หอมมมมาก ไม่น่าเชื่อว่า เมนูธรรมดาๆ แค่กลิ่นผมก็ให้ 10 เต็มแล้วว ..
ซูมกันให้ดูใกล้ๆ .. ในเมนูนี้ จะมีทุกอย่างของไก่ เช่น เนื้อไก่ส่วนต่างๆ เครื่องในส่วนต่างๆ ผสมกันมาหมด ดูความ Juicy นั้นสิคับ เนื้อจากรูปดูเหมือนเนื้อไก่ดูจะไม่สุกเท่าไหร่ แต่มันสุกมาแบบกำลังพอดีเลยแหละ
อีกซักมุม ถ้าสังเกตให้ดี จะเห็นว่ายังมีไข่ขาวบางส่วนที่ยังดิบๆอยู่บ้าง โอ๊วววว .. ทนไม่ไหวแล้ววว แค่ตอนพิมพ์นี่ ผมก็อยากกลับไปกินอีกแล้วละ ..
หลังจากถ่ายรูปเสร็จ ก็ถึงเวลากิน .. คำแรกที่กินเข้าไปนั้น รสชาตของไข่นำมาก่อนเลย หวานละมุนมาก พอกัดลงบนเนื้อไก่ ชิ้นที่ตักเข้าไปขับแรก น่าจะเป็นสะโพกส่วนที่ติดหนัง เนื้อไก่นิ่มมาก มีความสู้ฟันเล็กๆ หนังจะมันนิดๆ มันลงตัวสุดๆสำหรับเมนูธรรมดานี้
หลังจากกินไป 2-3 คำ ผมก็เอาไข่ไก่ ที่สั่งเพิ่มมาลองเติมเข้าไปในข้าว ด้วยความที่ข้าวก็ยังพอมีความร้อนอยู่บ้าง พอคลุกไข่เข้าไปกับตัวข้าวแล้ว ทีนี้รสชาตความอร่อย เข้มข้นหนักขึ้นไปอีกกก .. สำหรับเครื่องในของที่ร้าน Nakamura Farm นี้ก็อร่อยแบบวัวตายความล้มมาก อาจจะเพราะด้วยความสด และการปรุง ที่ทำให้มันไม่มีกลิ่นคาวของเครื่องในเลย มีแต่รสสัมผัสของเครื่องใน ที่จะเด้งสู้ฟัน เหนียวนิดๆ อร่อยสลัด จริงๆ
พอกวนไข่คลุกกับข้าว ก็จะออกแนวข้าวต้มที่มีน้ำซุปเป็นไข่ไก่ขลุกขลิกประมาณนี้ .. หวานเจี๊ยบบบ
เวลาของความสุขช่างผ่านไปอย่างรวดเร็วคับ .. แพร๊บเดียวหมดชามแล้ว อิ่มมากเว่อร์ นี่ถ้าอยู่บ้านเลียชามไปแล้ววววว .. สำหรับร้านนี้ อร่อยเกินที่คิดไว้มาก .. เอาไปเลย 5 กระโหลกไฟ ..
ของหวานตบท้าย ล้างปากซักนิด .. เป็นเหมือนคัสตาดคับ แต่ไม่ได้นุ่มมากนัก น่าจะทำจากไข่แดง รสเข้มข้นเหมือนกัน แล้วก็น่าจะโรยด้วยน้ำตาลแล้ว burn มา .. เมนูนี้ผมเฉยๆ
หลังจากอิ่มและนั่งฟินกับรสชาตซักพัก .. ก็เตรียมตัวเดินทางไป ทาคายาม่า ต่อครับ ..
พอขับมาซักพักจากช่วงถนนที่ยังไม่มีหิมะ ก็เริ่มเห็นกองหิมะมากขึ้นเรื่อยๆ ช่วงนึงหิมะกำลังตก ผมเลยจอดแวะพักเข้าห้องน้ำซักแพร๊บ แล้วก็เตรียมดูถนนว่าจะมีหิมะหนาๆ มั้ย เพราะก็แอบกลับเล็กๆ ว่าจะหิมะจะตกหนักถึงขั้นต้องใส่โซ่มั้ย เพราะรอบนี้ดันไม่ได้เตรียมโซ่มาด้วยนั้นเอง
คลิปสั้นๆ สำหรับจุดพักรถ ระหว่างทาง จาก Tokyo ไป Takayama ครับ
เดี๋ยว clip ที่ถ่ายระหว่างทางไป Takayama ผมจะเอาลงให้อีกทีนะคับ ตอนนี้ยังไม่ได้เอามาตรวจแล้วก็ทำการตัดต่อเลย ถ้าเสร็จแล้วจะเอามาลงให้ดูกันคับ .. อาจจะเรียบๆ ไม่ได้ใส่ลูกเล่นอะไรมากมาย มีแค่วิวตามทางบนถนนที่ขับไป takayama แค่นั้นเลยคับ 555
หลังจากขับมาจนถึง Takayama ก็ประมาณ บ่าย 4โมง นิดๆ ก็ขับต่อไปยังโรงแรมที่จะพักกันสำหรับคืนนี้และคืนพรุ่งนี้ .. รอบนี้มีโจทย์ว่า อยากให้ที่ โรงแรมที่พัก มี Onsen ในโรงแรมด้วยเลย จะได้ไม่ต้องไปเสียเวลาไปหาด้านนอก ก็เลยตัดสินใจมาพักที่นี่คับ โรงแรม Wat Hotel & Spa Hida Takayama ซึ่งเป็นโรงแรมที่มี Onsen ด้วยเลย แถมมีห้องแบบ private ด้วยแหละ
สามารถเข้าไปดูรายละเอียดของ โรงแรม Wat Hotel & Spa Hida Takayama และสามารถจองได้ที่ Link ด้านล่างนี้คับ
https://www.booking.com/hotel/jp/what-spa-hida-takayama.th.html
ส่วนด้านล่างนี้คือพิกัดของโรงแรม Wat Hotel & Spa ครับ
หลังจาก check in เรียบร้อยแล้ว ก็ขึ้นเอาของมาเก็บที่ห้องคับ .. ห้องพักที่ได้ อยู่ชั้น 2 ก็ถือว่าโอเคอยู่ ซึ่งจริงๆ อยากได้ชั้นสูงๆแหละ แต่ก็ไม่มีปัญหา .. บรรยากาศภายในห้อง ที่ Wat Hotel & Spa ประมาณนี้ครับ
หลังจากเข้ามาในห้องแล้ว แอบ งง นิดนึงว่า ทำไมถึงได้ที่นอนแบบ 3 เตียง เพราะตอนจองก็บอกว่า 2 เตียง .. แต่ก็ไม่คิดมาก ดีซ่ะอีก ได้ห้องใหญ่ มีที่วางของมากมายก่ายกองเลยทีนี้ 555
ในส่วนของห้องอาบน้ำ ก็จะมีอ่างไว้ให้แช่น้ำด้วยครับ ขนาดกำลังดี ไม่เล็กไป โดยที่โรงแรมนั้น แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ ห้องอาบน้ำ กับ ห้องน้ำ นั้นอยู่แยกกัน ครับ
ในส่วนของห้องน้ำนั้น ก็จะอยู่ห้องฝั่งตรงข้ามคับ .. ห้องไม่ใหญ่มากนัก
หลังจากแฟนผมจัดของเสร็จเรียบร้อย ผมก็เลยชวนเค้าไปดูส่วน Onsen ของโรงแรม ที่อยู่ทางด้านบนชั้น 7 .. เพื่อไปสำรวจก่อนล่วงหน้าซักนิดว่า บรรยากาศเป็นยังไง คนเยอะมั้ย แต่พอขึ้นไปถึงช่วงประมาณ 5โมงเย็น .. คนลั่นมากครับ เลยชวนแฟนเดินออกไปกินข้าวแทน 555
สำหรับร้านอาหารที่ Takayama นั้น จริงๆ ผมแพลนไว้หลายร้านพอสมควร ใจนึงก็อยากกลับไปซ้ำร้านที่เคยกินอยู่เหมือนกัน แต่ก็อยากลองร้านใหม่ๆบ้าง แล้วก็ร้านที่กำลังไปรอบนี้ เคยแวะไปที่ร้านเมื่อครั้งก่อนที่มา Takayama แล้ว แต่โต๊ะเต็ม แล้วก็รอคิวนาน เลยอดกิน .. ครั้งนี้เลยรีบไปซักหน่อย หวังเล็กๆว่าจะไม่ต้องรอคิวนาน .. ร้านนี้คือ ร้าน Ajikura tengoku เป็นร้านเนื้อย่างที่อยู่ใน ทาคายาม่า ครับ ..
พิกัดด้านล่างนี้
ถ้าจำไม่ผิด ผมน่าจะเดินไปถึงร้านประมาณแถวๆ 6โมง ที่เดินไปเพราะว่าห่างจากโรงแรมไม่ไกลมาก น่าจะแค่ 800 เมตร ก็เลยเดินผ่านอากาศเย็นๆไป แล้วก็หิมะกำลังตกแบบเบาๆ .. เย็นดีแท้
เดินมาถึงร้าน มีคิวก่อนหน้าอยู่แค่ 2คิว โชคดีเลยที่รอไม่นาน ประมาณ 5 นาที พนักงานก็มารับแล้วพาไปที่โต๊ะ .. หนาวๆแบบนี้สั่งก่อนเลยฮ่ะ เบียร์เย็นๆ ซักแก้ว
สำหรับที่ร้าน Ajikura tengoku นั้น ก็เอาเนื้อที่มีชื่อเสียงของ Takayama เป็นตัวแนะนำ นั้นก็คือ Hida beef คับ รอบนี้ผมสั่งแค่ A4 พอ เพราะโดยปกติก็ชอบ A5 แหละนะ แต่พอกินเยอะๆแล้วมันเลี่ยน ..
จานแรกของแฟนผมมาก่อน เป็น Seafood คับ เพราะแฟนผมเค้าไม่กินเนื้อ เลยสั่งแบบนี้มา
สำหรับ Seafood ของที่ร้าน Ajikura tengoku at ทาคายาม่า นั้น ก็ถือว่าสดเลยทีเดียวคับ โรยพริกไทยกับเกลือมาบางๆ เอาลงกระทะได้เลย
ไม่นานนักเซ็ทเนื้อของผมก็มา ผมสั่งแบบหลายๆส่วนไป จะได้ลองกินหลายๆแบบ .. ดูลายเนื้อสิคับ มันแทรกเยอะขนาด นี่เลือกแบบ A4 แล้วด้วยนะ ยังขนาดนี้เลย ไม่อยากคิดถึง A5 เลยยย
มาถึง Takayama แล้วทั้งที จะสั่งแค่ เซ็ทรวมเนื้อ ก็ดูจะยังไงอยู่ ขอสั่งอีกจานแล้วกัน .. *** เดี๋ยวรายละเอียดเมนูมา update เพิ่มให้นะคับ ถ่ายไว้ใน GoPro ยังไม่ได้เอาไฟล์มาดูเลย
ถั่วงอกน้ำมันงา ตัดเลี่ยนซักนิด .. รสชาตถั่วงอกของที่ญี่ปุ่น ผมว่ามันไม่เหมือนที่ไทยอ่ะ ส่วนตัวกลับชอบที่ไทยมากกว่า
มากินกัน 2คน แถมแฟนไม่กินเนื้อ สั่งเยอะไปหรือเปล่าเนี่ยะ .. #สั่งแหลกแดกไม่หมด อีกแล้วววว .. อ้อ แฟนผมสั่งหมูมาเพิ่มด้วย แต่ไม่ได้ถ่ายไว้ เพราะถ่ายเนื้อจนลืมทุกอย่างเลย555
เอาลงกระทะแล้วววว กลิ่นมันของตัวเนื้อหอมได้ใจดีแท้ .. ขนาด A4 นี่ กินไปครึ่งนึง ผมก็เริ่มเลี่ยนแล้วแหละ แต่ก็สามารถแก้เลี่ยนด้วยการสั่งเบียร์แก้วที่ 2 .. เชียรรรร์
สำหรับ 9 Days at Japan in 2023 (Day 3) ก็ขอจบเพียงเท่านี้ครับ ขอกลับไปแช่น้ำร้อนๆ นอนบนเก้าอี้นวด เพื่อเตรียมตัวไป หมู่บ้าน shirakawago (shirakawa village) แต่เช้า เพื่อจะได้ไม่ต้องเจอคนมากนัก
To be Continue .. 9 Days at Japan in 2023 (Day 4)