หลังจากเครื่องลงที่สนามบิน Narita เรียบร้อยแล้ว ก็มาเข้าแถวรอตรวจเอกสารการตรวจคนเข้าเมืองอีกประมาณ 30นาที ซึ่งก็ถือว่าไม่นานมากนัก เพราะทางผมกับแฟนได้ลงทะเบียน ผ่านทาง visit japan ผ่านทางเว็บ https://www.vjw.digital.go.jp มาเรียบร้อยแล้ว ซึ่งก็จะมีเจ้าหน้าที่คอยตรวจสอบเป็นระยะๆ และก็จะแบ่งเป็นโซนๆ โดยแยกคนที่ลงทะเบียนแล้ว กับยังไม่ได้ลงทะเบียน เพื่อให้เจ้าหน้าที่ฯ ทำงานได้รวดเร็วยิ่งขึ้น กว่าจะได้ไป Check In ที่ Mercure Ginza Tokyo Japan ก็ไม่นานเท่าไหร่นะ
So, after we landed at Narita Airport, we had to line up for like 30 minutes to get our documents checked at immigration. But it wasn’t so bad since me and My Wife had already registered with Visit Japan on their website. They had officers checking documents at different spots and separated the people who had registered from the ones who hadn’t, which made everything go faster.
ซึ่งในส่วนนี้เอง ผมคงไม่ได้อธิบายอะไรมากนัก เพราะก็มีหลายคนทำอธิบายไว้อย่างละเอียดมากมายแล้ว ลองไปดูเพิ่มเติมกันต่อได้ที่เว็บตามด้านล่างนี้ได้เลยคับ
วิธีลงทะเบียน Visit Japan Web เข้าประเทศญี่ปุ่น ทุกขั้นตอน Step By Step
https://travel.trueid.net/detail/VRe9z5JgbwMR
หลังจากผ่าน พิธีการตรวจคนเข้าเมืองฯ เรียบร้อยแล้ว แฟนผมก็จะขอไปอาบน้ำก่อน เพราะลงจากเครื่องบินมาเค้าก็ยังง่วงๆมึนๆอยู่ ซึ่งที่สนามบินนาริตะนั้น ก็จะมีร้านที่บริการให้อาบน้ำอยู่ ราคาประมาณคนละ 1,000เยน ซึ่งห้องน้ำของที่นี่ ก็สะอาดและมีจำนวนหลายห้องพอสมควรครับ
After we finished with the immigration process, My Wife wanted to take a shower first because she was still feeling groggy from the flight. Luckily, there’s a place at Narita Airport that provides shower services for around 1,000 yen per person. The bathrooms there were clean, and there were plenty of them, so we didn’t have to wait too long to use one.
ถ้าจำไม่ผิด ร้านที่ให้บริการห้องอาบน้ำนี้ น่าจะอยู่ชั้น 2 .. คือ หลังจากได้กระเป๋าและออกมาด้านนอกแล้ว (ยังอยู่ในอาคารสนามบิน) ให้เลี้ยวซ้ายแล้วเดินไปประมาณ 100เมตร จะเจอลิฟท์ที่อยู่ทางซ้ายมือ ขึ้นลิฟท์ไปชั้น 2 หลังจากออกจากลิฟท์ให้เดินไปทางซ้ายอีกซักนิด จะเห็นร้านที่ให้บริการห้องอาบน้ำทางขวามือ .. ช่วงนั้นผมง่วงๆเบลอๆอยู่ เลยลืมถ่ายรูปด้านหน้าของร้านมาให้ .. ลืมถ่ายได้ยังไงเนี่ยะ 555
If I remember correctly, the shower service was located on the second floor of the airport. After we collected our bags and exited the arrival area (still inside the airport building), we turned left and walked about 100 meters until we saw an elevator on the left-hand side. We took the elevator up to the second floor, and when we got out, we turned left and walked a little bit until we saw the shower service on the right-hand side. I was still quite groggy at that time, so I forgot to take a picture of the front of the shop. Oh well, I guess I’ll have to go back there again someday for review how go to Shower Room at Narita Airport! Ha Ha Ha
ส่วนนี้ก็จะเป็นตัวอย่างในห้องอาบน้ำคร่าวๆ ถ่ายเป็นวีดีโอมาให้ดูกันคร่าวๆคับ .. ไว้รอตัดจาก go pro เสร็จแล้ว จะมา update ให้ใหม่อีกทีนะคับ
This is an example of the shower room, roughly captured in a video to show you. I’ll wait to edit it from the GoPro and update it again for you later.
ซึ่งไม่ได้มีแค่ให้บริการห้องอาบน้ำอย่างเดียวเท่านั้น ยังมีห้องไว้ให้นอนหลับ สำหรับใครที่อาจจะมารอขึ้นเครื่อง หรือ อยากงีบซักพัก ซึ่งค่าบริการอยู่ที่ 1,540 เยน / ชั่วโมง .. ราคาแอบโหดอยู่เหมือนกัน
Not only do they offer shower room services, but they also have a room for sleeping, for those who may be waiting for their flight or want to take a nap. The cost is 1,540 yen per hour… which is kind of sneaky expensive.
หลังจากอาบน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็จะนั่งรถไฟเข้าไปที่โตเกียว ซึ่งปกติผมจะนั่งรถไฟของ เน็ก หรือ Narita Express (N’EX) โดยสามารถซื้อตั๋วได้ที่ชั้นล่างของสถานบินนาริตะเช่นกัน แต่สำหรับรอบนี้ ผมลองเปลี่ยนมาซื้อตั๋วของ SkyLiner ดูบ้าง เพราะมันจะมี package แบบที่สามารถใช้กับ Subway ของ All Tokyo metro line และ Toei Subway line ได้ทั้งหมด 3 วัน หรือ 72 ชั่วโมง โดยที่เริ่มนับเวลาจากการใช้ครั้งแรก ซึ่งถือว่าคุ้มมาก ราคารวมตั๋วไปกลับระหว่าง สนามบินนาริตะ และ เมืองโตเกียว และรวมตั๋วรถไฟใต้ดินแบบ 72 ชั่วโมง จะอยู่ประมาณ 5,400 เยน ต่อคน .. ซึ่งถือว่าคุ้มมาก
After finishing my shower, I took the train to Tokyo. Normally, I would take the Narita Express (N’EX), which I can buy tickets for at the lower level of Narita Airport. However, this time I decided to try buying tickets for the SkyLiner because it had a package that could be used with all Tokyo metro lines and Toei Subway lines for 3 days or 72 hours, starting from the first time you use it. It was definitely worth it, with a round-trip ticket between Narita Airport and Tokyo city and a 72-hour subway ticket totaling around 5,400 yen per person.
รายละเอียดค่าโดยสารของ SkyLiner ครับ / Please see Skyliner price and details as below.
Tokyo Subway 24-hour Ticket + Keisei Skyliner One-way Ticket (Limited Express) : ผู้ใหญ่: ¥2,800 เยน เด็ก: ¥1,400 เยน
Tokyo Subway 48-hour Ticket + Keisei Skyliner One-way Ticket (Limited Express) : ผู้ใหญ่: ¥3,200 เยน เด็ก: ¥1,600 เยน
Tokyo Subway 72-hour Ticket + Keisei Skyliner One-way Ticket (Limited Express) : ผู้ใหญ่: ¥3,500 เยน เด็ก: ¥1,750 เยน
Tokyo Subway 24-hour Ticket + Keisei Skyliner Round Trip Ticket (Limited Express) : ผู้ใหญ่: ¥4,700 เยน เด็ก: ¥2,350 เยน
Tokyo Subway 48-hour Ticket + Keisei Skyliner Round Trip Ticket (Limited Express) : ผู้ใหญ่: ¥5,100 เยน เด็ก: ¥2,550 เยน
Tokyo Subway 72-hour Ticket + Keisei Skyliner Round Trip Ticket (Limited Express) : ผู้ใหญ่: ¥5,400 เยน เด็ก: ¥2,700 เยน
สำหรับ SkyLiner นั้น ใช้เวลาเดินทางจากสนามบิน Narita ไปยังใจกลางเมือง Tokyo ประมาณ 40 นาทีกว่าๆ เท่านั้นเอง ซึ่งระหว่างทาง ก็สามารถงีบเก็บแรงไว้เดินต่อได้ซักพักเหมือนกัน 555
For the SkyLiner, it only takes about 40 minutes to travel from Narita Airport to the Tokyo Station. Along the way, you can even sit and rest for a while before continuing the journey. Ha Ha Ha
หลังจากนั่งรถไฟ SkyLiner จาก สถานี Narita Airport มาจนถึงสถานี Ueno ก็มาเปลี่ยนลง Subway เพื่อไปสถานี Ginza ต่อ ซึ่งรอบนี้ยังไม่ได้ใช้ pass ที่ได้มาจากตอนซื้อตั๋ว Skyliner นะครับ เพราะแพลนว่าจะเอาไว้ใช้ช่วง 4-5 วันสุดท้ายแทน รอบนี้เลยต้องซื้อตั๋วแยกไปก่อน ซึ่งก็ไม่ได้แพงมาก ประมาณ 200 เยน กว่าๆ ต่อคน
After take the SkyLiner from Narita Airport to Ueno Station, you can transfer to the subway and head to Ginza Station. For this trip, I didn’t use the pass that I purchased with my SkyLiner ticket because I planned to use it during the last 4-5 days of my trip instead. So, I had to purchase a separate ticket, which wasn’t too expensive, around 200 yen per person.
พอถึงสถานีรถไฟใต้ดิน Ginza ขึ้นมาโผล่ด้านบนก็เจอวิวประมาณแบบนี้ อากาศสดชื่นมากกกก ฟ้าใสเลยยย นี่ขนาดในเมือง สูดหายใจเต็มปอดสุดๆ ช่วงวันที่ผมไป อุณหภูมิ ประมาณ 2-8 องศา อากาศกำลังสบายๆ
When I got off at Ginza subway station, I was greeted with a view like this. The weather was very refreshing and the sky was clear. In the city, you can breathe in the fresh air to the fullest. During my visit, the temperature was around 2-8 degrees Celsius, and the weather was very comfortable.
รอบนี้ผมมาพักแถว Ginza คับ เพราะอยากมาเดินเที่ยวตามร้านต่างๆในโซนนี้ให้เต็มที่ด้วย เลยตัดสินใจมาพักที่ Mercure Ginza เพราะผมเป็นสมาชิกของ accor อยู่แล้ว เลยสามารถใช้ Stay Plus เพื่อใช้พักฟรีได้ 1 คืน .. คุ้มสุดๆ
This time, I stayed around Ginza because I wanted to fully explore all the different shops in this area. So, I decided to stay at Mercure Ginza Hotel since I’m already a member of Accor and can use Stay Plus for a free night’s stay – super worth it!
ระหว่างรอไฟล์ video ตัวเต็มจาก Go Pro .. ระหว่างนี้ดูจากที่ถ่ายผ่านมือถือไปพลางๆก่อนแล้วกันนะครับ ห้องที่โรงแรม Mercure Ginza Tokyo (Hotel) ค่อนข้างกว้างคับ ไม่อึดอัด มีอ่างอาบน้ำด้วย เผื่อไว้เดินเที่ยวเยอะๆแล้วมาแช่น้ำก่อนนอน จะทำให้กล้ามเนื้อขาสบายขึ้นมา และทำให้วันถัดไปมีแรงเดินได้ ไม่ล้าครับ .. ส่วนที่นอนเป็นเตียงขนาดน่าจะ 3.5 นิ่มสบายดี ผมขอหมอนมาเผื่อไว้ 2ใบ เอามาไว้กอดด้วย หลับสบายยยยย
While waiting for the full video file from my Go Pro, Please looking at the footage I took on my Mobile. The hotel room at Mercure Ginza Tokyo is quite spacious and not cramped, with a bathtub as well. I plan to walk around a lot, so I’ll take a bath before sleeping to help relax my leg muscles and have more energy for walking the next day – I don’t want to get tired! The bed is comfortable, probably about 3.5 feet, and I asked for two extra pillows to hug. I slept really well!
หลังจาก Check In กับที่โรงแรม และเก็บของที่ห้องเรียบร้อยแล้ว ก็เสร็จประมาณบ่าย 2 โมงกว่าๆ ก็เลยเดินจาก โรงแรมเมอเคียว ไป ตลาดปลาซึกิจิ (tsukiji fish market) .. จากโรงแรมเดินไปก็ประมาณ 1โลกว่าๆ อากาศเย็นๆ เดินดูนั้นดูนี่ แพร๊บเดียวก็ถึงคับ …. แต่วันเสาร์แบบนี้ คนมหาศาลมากกมายยยย เลยทำให้สตั้นจนลืมถ่ายรูปเลย 😅
After checking into the hotel and dropping off our bags in the room, we left around 2 PM and walked from the Mercure Hotel to Tsukiji Fish Market. It was about a little over 1 kilometer, and it was quite chilly outside. We walked around and took in the sights but there were so many people on this Saturday that I got a bit overwhelmed and forgot to take photos.
ไม่ว่าจะเดินไปดูร้านไหนที่แพลนไว้ว่าจะมากิน ก็มีแต่คนต่อคิวแถวยาวไปหมด สุดท้ายเลยมาลงชื่อที่ร้านซูชิร้านนี้ Sushi Zanmai ที่คิวน้อยสุดแล้ว 😂
We tried to visit some of the restaurants we planned to eat at but they all had long lines. Eventually, we put our names down at Sushi Zanmai, which had the shortest queue.
หลังจากลงชื่อต่อคิวไว้เรียบร้อยแล้ว ก็ยืนรออยู่หน้าร้านประมาน 40นาที ถึงได้เข้าไปกิน ก็ถือว่าอร่อยใช้ได้ครับ เพราะปลาสด แล้วก็ราคาไม่ได้แพงมากนัก ถ้าจำไม่ผิด ค่าเสียหาย 2คน ผมกับแฟน น่าจะประมาน 7,000¥ กว่าๆ
We waited in front of the restaurant for about 40 minutes before being seated, but it was worth it. The fish was fresh, and the price wasn’t too expensive – I think we spent around ¥7,000 for the two of us.
มื้อนี้กินเพื่อรองท้องไปก่อน กะว่าเดินไปเรื่อยๆ กินโน้นนิดนี่หน่อย น่าจะสนุกกว่า
จริงๆก็สั้งไปหลายอย่างอยู่ แต่อาจจะเพราะหิวเลยไม่ค่อยได้ถ่ายรูปมากเท่าไหร่นัก 555
We actually ordered quite a lot of food, but I was too hungry to take many pictures.
หลังจากกินเสร็จจากที่ร้าน Sushi Zanmai เรียบร้อยแล้ว ก็ไปเดินเล่นรอบๆตลาด tsukiji fish market ซึ่งช่วงนั้นก็เวลาประมาณ 15:30 น. แล้ว คนเริ่มน้อยลงจากช่วงเวลาก่อนหน้า ซึ่งเป็นตอนเที่ยง พอสมควร แต่เนื่องจากเคยเดินจนครบหมดแล้ว และร้านที่อยากกินคนก็ยังรอต่อคิวกันเยอะอยู่ แฟนผมเลยชวนเดินกลับไปที่ โรงแรม เพื่อไปเอาของออกจากกระเป๋าเดินทาง เพราะเดี๋ยวช่วงเย็น มีร้านที่จองไว้อีกร้านนึง อาจจะเอาไปรวบยอดอีกทีใน Day 2 เลยครับ เพราะเป็นร้านที่ขอซ้ำตอนเช้าของ Day 2 ด้วย ..
After finishing our meal, we strolled around the Tsukiji Fish Market at around 3:30 PM when there were fewer people around. However, because we had already walked around earlier and the restaurant we wanted to eat at had a long line, my girlfriend suggested we head back to the hotel to retrieve our luggage. She had made a reservation for another restaurant for dinner, and we might come back to the same area on Day 2.
หลังจากจัดเครียร์ของที่ห้องเรียบร้อย ช่วงเย็น ก็ออกมาเดินเล่นระหว่างรอเวลาที่จองร้านอาหารมื้อค่ำไว้ แถวๆ Ginza คนเดินกันตอนกลางคืนค่อนข้างเยอะคับ เดี๋ยวเอาบรรยากาศที่ถ่ายเป็น video มาโพสให้ดูกันคับ ตอนนี้ยังไม่ได้เอามาตัดต่ออะไรเลย 555
After we took care of our things in the room, we went out for a walk while waiting for our reservation time at the restaurant in the evening. We walked around Ginza at night, and there were a lot of people out and about.
ช่วงเย็นหลังจากไปกินข้าวที่ Bills Ginza มาเรียบร้อย ก็เดินเล่นตามห้างต่างๆ ในโซน Ginza เสียเงินจนได้ อย่างร้าน abercrombie & fitch ที่ตอนแรกกะว่าเข้าไปเดินดูเล่นๆ เพราะเห็นว่ามีแบ่งเป็นหลายๆชั้น น่าจะ 6-7 ชั้นได้ เข้าไปไม่นานเท่าไหร่ เสียเงินเฉยยย
In the evening after finishing our meal at Bills Ginza, we walked around the various shopping malls in the Ginza area and spent money at places like Abercrombie & Fitch.
หลังจากที่เดินริมถนนหลักของ Ginza มาซักพัก แฟนผมก็จะขอกลับไปนอนก่อน ส่วนผมก็ยังขอเดินเล่น ดูโน้นนี่นั้น ไปเรื่อยเปื่อย แต่ก็นานอยู่ เพราะเดินลากยาวไปสถานีโตเกียวเลยทีเดียว น่าจะประมาณ 1.4 โลได้ ด้วยความที่อากาศเย็น ก็เดินสบายๆ ..
When we walked along the main road of Ginza for a while, My Wife wanted to go back to our accommodation to rest, but I wanted to continue exploring. I walked for a long time until I reached Tokyo Station, which was about 1.4 kilometers away. The weather was cool, so I enjoyed the walk.
ไหนๆก็เดินมาถึงที่สถานีโตเกียวแล้ว ก็ขอลงไปเดินดูร้านขายของน่ารักๆ ด้านล่างสถานีโตเกียวซักหน่อย หากใครแวะมาที่สถานีโตเกียวแล้วละก็ อย่าลืมแวะลงไปเดินเล่นกันดูนะครับ
When I arrived at Tokyo Station, I went downstairs to look at the cute shops below. If anyone visits Tokyo Station, don’t forget to take a look around down there. There are so many cute shops with lots of variety. I even took some pictures with my GoPro camera, which I will update later.
ร้านขายของน่ารักๆ เยอะแยะมากมายคับ มีถ่ายจากกล้อง GoPro ไว้ด้วย เดี๋ยวทำเสร็จแล้วจะเอามา update ให้อีกทีคับ
หลังจากเดินเพลินๆ ดูเวลาอีกทีก็เกือบ 21:00 น. แล้ว ชักเริ่มหิวซ่ะงั้น เลยเปิด Google Map หาร้านอาหารที่อยู่ใกล้ๆที่พัก ดันไปสะดุดตากับ ร้าน IPPUDO เลยไปกินแก้หิว และ แก้หนาว ที่ร้านนี้ต่อคับ
After wandering around for a while, it was almost 9 PM and I was starting to get hungry. I opened Google Maps to find a restaurant near our accommodation and stumbled upon IPPUDO. I decided to eat there to satisfy my hunger and the cold weather.
มาถึงร้านก็ต่อแถวนิดหน่อย มีคิวก่อนหน้าประมาณ 2คิว ดึกขนาดนี้แล้ว ร้านก็ยังคงเต็ม อือหือออ .. พอเข้ามาในร้าน ก็จะสบายหน่อยตรงที่สามารถสั่งรายการอาหารเองได้ แค่บอกให้ทางพนักงานเปลี่ยนภาษาเป็นภาษาอังกฤษให้ อยากสั่งอะไรก็ง่ายมาก สามารถเลือกที่จะใส่อะไรเพิ่มเติม หรือ ไม่ใส่อะไร ได้หมด
When I arrived at the restaurant, there was a small queue, about 2 groups in front of me. It was already late, but the restaurant was still crowded. Once inside, it was comfortable since we could order the food ourselves by changing the language to English. It was easy to choose what to add or not add to our order.
รายการแรกมาอย่างไว เบียร์ นั้นเอง มาแบบเย็นฉ่ำ หวานเจี๊ยบ ลื่นคอสุดๆ ที่เดินมาเมื่อยๆนั้น แถบจะหายทันที 555
The first item we ordered was a chilled and sweet beer, which was very refreshing after the long walk.
ถัดมาเป็น ราเมนต้นตำหรับของร้าน Shiromaru สั่งมาเป็นแบบ น้ำซุปกระดูกหมูทงคตสึ ไม่ใส่ต้นหอม มาแบบร้อนๆ สั่งเพิ่มแบบลวกเส้นแบบแข็งนิดๆ .. ยัง ยังไม่พอ ขอสั่งข้าวหน้าหมูชาชู มาเพิ่มอีกจาน พร้อมท๊อปปิ้งไข่ลวกกับไข่ปลาเมนไทโกะ ละมุนสุดๆ อร่อยกว่าที่ไทยเยอะเลยยย ทำม๊ายยยย
Next up is the signature dish of Shiromaru ramen restaurant. I ordered it with pork bone soup and no scallions, served hot. I also added some extra firm boiled noodles. But that’s not enough, so I ordered an additional dish of Cha-shu pork rice with a topping of soft-boiled egg and mentaiko (pollock roe). It was so delicious, even better than in Thailand. Yum!
ทริปญี่ปุ่นรอบนี้ คือ ทริปกินหนักๆเลยก็ว่าได้ เลยจัดเต็มทุกมื้อ แถมมีมื้อพิเศษขั้นกลางตลอดเวลา ถ้าร้านไหนดี ก็จะพยายามเอามาโพส update ให้เรื่อยๆนะคับ สำหรับ 9 Days at Japan in 2023 (Day 1) ก็จะจบเพียงแค่นี้ เพราะหลังจากกินที่ ippudo เสร็จ ก็เดินท้องป่องกลับห้อง ที่ Mercure Ginza Tokyo Japan แบบจุกๆ แล้วก็ไปแช่น้ำในอ่างที่ห้องต่อ 😛
This trip to Japan is all about food, and I’m going all out for every meal. I even have a special meal planned for each day. If I come across any good restaurants, I’ll make sure to update you guys. That’s all for Day 1 of my 9-day trip to Japan in 2023, because after finishing at Ippudo, I wandered back to my room at Mercure Ginza Tokyo Japan feeling full, and then soaked in the bathtub in my room. 😛
To be continue .. 9 Days at Japan in 2023 (Day 2)